วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Modernism--Modern Art

ศิลปะสมัยใหม่(Modern Art)โมเดิร์น อาร์ต
ศิลปะสมัยใหม่
Modern Art
คริสต์ทศวรรษ 1860-1970
...................คำว่า โมเดิร์น (Modern คือคำวิเศษณ์ ตรงกับคำว่า "สมัยใหม่" ในภาษาไทย) หมายถึง ความใหม่ ความร่วมยุคร่วมสมัย ศิลปะล้วนแล้วแต่ "ใหม่ (modern)" สำหรับผู้สร้างมัน
..................ถึงแม้ว่าจะเป็น ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา (Renaissance, เรอเนอซองส์) ในฟลอเรนซ์ หรือในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ในนิวยอร์ค หรือศิลปะที่เขียนขึ้นในวันนี้ ในรูปแบบของศิลปะคริสต์ศตวรรษที่ 15 ก็ยัง "ใหม่ (modern)" ในความหมายนี้ หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือ สิ่งที่ไม่เก่า สิ่งที่ตรงกันข้ามกับ "เก่า" หรือ "ประเพณี" ดังเช่น ความสมัยใหม่ในบริบทของสังคมไทย ภาพเขียนของ ขรัวอินโข่ง หรือของ สมเด็จฯกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ จึงสมัยใหม่สำหรับสังคมไทยในสมัยนั้นๆ เรา(คนไทย) มักจะนึก "ความเป็นฝรั่ง" พร้อมๆกับคำว่าสมัยใหม่ แต่ในความหมายเชิงประวัติศาสตร์ คำว่า "โมเดิร์น" ในศิลปะตะวันตกหมายถึงยุคสมัยจำเพาะในทางประวัติศาสตร์ ระหว่างประมาณคริสต์ทศวรรษ 1860-1970 ในความหมายนี้สมัยใหม่ถูกใช้อธิบายรูปแบบและอุดมคติหรืออุดมการณ์ในการสร้างสรรค์ในยุคนั้นๆ
...............ลักษณะสำคัญของ "ศิลปะสมัยใหม่" (Modern Art) และ "ลัทธิสมัยใหม่" (Modernism, โมเดิร์นนิสม์) คือ ทัศนคติใหม่ๆที่มีต่ออดีตและอนาคต ซึ่งเป็นไปแบบสุดขั้ว โดยเริ่มต้นมาตั้งแต่ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ที่ถือกันว่าเป็นยุคปฏิวัติของยุโรป ศิลปินเริ่มที่จะให้การยอมรับการเขียนภาพ "เหตุการณ์ปัจจุบัน-ร่วมสมัย" ในยุคของตนว่า สามารถมีคุณค่าทางศิลปะได้เท่าเทียมกับภาพเขียนเรื่องราวในอดีตตั้งแต่ยุคโบราณ หรือยุคประวัติศาสตร์จากคัมภีร์ไบเบิล
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองขนานใหญ่ทั่วยุโรปใน ปี 1848 ประกอบกับการอ่อนแรงของศิลปะแบบทางการ หรือ ศิลปะตามหลักวิชา (academic art) ทำให้กระแสศิลปะลัทธิสมัยใหม่ยิ่งเติบโต จิตรกรแนว นีโอ-คลาสสิสม์ (Neo-Classicism) อย่าง ฌาค หลุยส์ ดาวิด (Jacques Louis David) เขียนภาพเหตุการณ์การปฏิวัติฝรั่งเศส จิตรกรแนว โรแมนติสิสม์ (Romanticism) อย่าง ฟรานซิสโก เดอ โกย่า (Francisco de Goya) เขียนภาพเหตุการณ์ตอนที่นโปเลียนจากฝรั่งเศสรุกรานสเปน เรื่องราวที่จิตรกรทั้งสองเขียนในภาพของพวกเขา ได้ช่วยแผ้วถางทางของศิลปะในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ดังที่เห็นได้จากงานศิลปะที่ปฏิเสธการเขียนภาพเกี่ยวกับอดีต ของศิลปิน เรียลลิสม์ (Realism, สัจนิยม) อย่างเช่น กุสตาฟ กูร์เบต์ (Gustave Courbet) และ เอดัวร์ มาเนต์ (Edouard Manet)

............ในจุดเริ่มต้นของศิลปินสมัยใหม่ พวก อิมเพรสชันนิสต์ (Impressionist, Impressionism) และ โพสต์-อิมเพรสชันนิสต์ (Post-Impressionist, Post-Impressionism) จะทำการปฏิเสธทั้งการเขียนภาพเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และยังไม่สนใจขนบของการสร้างภาพลวงตา (เขียนให้เหมือนจริงมาก) ซึ่งพัฒนามาตั้งแต่ ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา "ความใหม่" คือสิ่งที่ศิลปินสมัยใหม่ให้ความสำคัญ ทัศนคติแบบนี้จะปรากฏให้เห็นในแนวคิดเกี่ยวกับ "อาวองท์-การ์ด" (avant-garde, หัวก้าวหน้า) คำนี้เป็นศัพท์ทางการทหาร หมายถึง ทหารแนวหน้า (advance guard) ศิลปินอาวองท์-การ์ด หรือศิลปินหัวก้าวหน้า ได้กลายเป็นพวกที่ล้ำยุคล้ำสมัยของสังคม (ก้าวเร็วแซงหน้าจนชาวบ้านตามไม่ทัน) ถึงแม้ว่าความก้าวหน้ามากๆแบบนี้จะได้รับการยอมรับโดยทั่วไป แต่การที่ศิลปินอิสระจนหลุดพ้นไปจากกรอบของยุคสมัย บางทีก็ถูกปฏิเสธจากนักประวัติศาสตร์ศิลป์อยู่เหมือนกัน

.................บทบาทของผู้อุปถัมภ์ศิลปะในอดีตอย่าง ศาสนจักร รัฐ และขุนนาง ที่ลดลงไปอย่างมาก ได้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ลัทธิสมัยใหม่ พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เพราะศิลปินสมัยใหม่จะมีอิสระเสรีที่จะคิดและทำศิลปะที่แตกต่างไปจากอดีต ซึ่งต้องทำตามความชอบของผู้ว่าจ้าง นอกจากนี้ การค้าขายศิลปะตามระบบทุนนิยม ก็ยังเป็นตัวกระตุ้นให้ศิลปินทำการทดลองอะไรที่แปลกใหม่ คำว่า "ศิลปะเพื่อศิลปะ" ที่เริ่มแพร่หลายในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ก็ยิ่งกระจายออกไปอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 คำๆนี้สามารถใช้อธิบายศิลปะที่เกิดจากความคิดส่วนตัวของศิลปิน ที่มีความเป็นปัจเจกสูงเสียจนไม่ต้องการการอ้างอิงไปถึงประเด็นทางสังคมและศาสนา
การเติบโตของ ศิลปะสมัยใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของการที่สังคมตะวันตกได้เปลี่ยนผ่านไปสู่ "ความเป็นอุตสาหกรรม", "ความเป็นเมืองใหญ่แบบมหานคร" และการเป็นสังคมแบบวัตถุนิยมอย่างเต็มที่ ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ศิลปินสมัยใหม่ได้ท้าทายรสนิยมของชนชั้นกลาง โดยหาเรื่องและประเด็นใหม่ๆ รูปแบบใหม่ๆ ที่ดูแปลกประหลาดไปจากระเบียบแบบแผนดั้งเดิม ศิลปะสมัยใหม่มักจะมีแนวเนื้อหาเกี่ยวกับ การเฉลิมฉลองเทคโนโลยี การค้นหาจิตวิญญาณ และ การกระตุ้นด้วยความป่าเถื่อน (จากความสนใจในศิลปะของคนป่า (Primitivism)) ศิลปินได้แสดงออกแนวเนื้อหาเหล่านั้นออกมาในรูปแบบที่แตกต่างหลากหลาย แนวเนื้อหาของการเฉลิมฉลองเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ ได้ปรากฏออกมาในรูปของการชื่นชม "ความเร็ว" ดังที่เห็นได้จากศิลปะในลัทธิ ฟิวเจอร์ริสม์ (Futurism) การใช้แนวคิดในเชิงวิทยาศาสตร์ปรากฏให้เห็นในงานของพวก คอนสตรัคติวิสม์ (Constructivism ในสหภาพโซเวียต) การค้นหาจิตวิญญานจะมีอยู่ในงานของพวก ซิมโบลลิสม์ (Symbolism ในยุโรปและสหรัฐอเมริกา) เดอ สตีล หรือ เดอะ สไตล์ (De Stijl/The Style ในเนเธอร์แลนด์) นาบิส (Nabis ในฝรั่งเศส ในคริสต์ศตวรรษ 1890) และ แดร์ บลาว ไรเตอร์ หรือ เดอะ บลู ไรเดอร์ (Der Blaue Reiter/The Blue Rider ในเมืองมิวนิค เยอรมนี) งานประเภทนี้ถือว่าเป็นปฏิกริยาโต้ตอบกับวัตถุนิยมในยุคสมัยใหม่
....................ความสนใจในความเถื่อนของศิลปะจากคนป่าและชาวเกาะ (อัฟริกันและชาวเกาะ หรือ โอเชียนนิค Oceanic) จะปรากฏชัดในงานของ โพสต์-อิมเพรสชันนิสม์ คิวบิสม์ (Cubism) และ เยอรมัน เอ็กซ์เพรสชันนิสม์ (German Expressionism ในเยอรมนีช่วงต้นคริสต์ศตวรรษ 20) ความสนใจในสิ่งเหล่านี้เป็นตัวสะท้อนให้เห็นผลของลัทธิ "จักรวรรดินิยม" (Imperialism) ที่นิยมล่าอาณานิคม และอ้างว่าตน (ตะวันตก) "ค้นพบ" วัฒนธรรมของดินแดนอันไกลโพ้นเหล่านั้น
I and the Village by Marc Chagall, 1911

Post Modern & Modernism

Post Modern วิพากษ์สังคมตะวันตก ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
  1. ประเด็นแรก โลกโดมเดิร์นไม่ได้นำไปสู่ความเป็นเหตุเป็นผล ความก้าวหน้า หรือความสงบสุขของมนุษย์ แต่มีหลายช่วงที่นำไปสู่ความรุนแรง เช่น สงครามโลก และการฆ่าล้างเผ่าพันต่างๆ
  2. ประเด็นที่สอง ระบบการเมืองของสังคมโมเดิร์นของตะวันตกไม่ได้สะท้อนการกระจายอำนาจที่ดีเพียงพอ พวกเจาจึงเสนอให้มีการกระจายอำนาจสู่ชุมชน อำนาจของประชาสังคม อำนาจของภาคพลเมืองเพิ่มเวทีหรือพื้นที่สาธารณะหรือพื้นที่ทางการเมืองให้คนด้อยสิทธิต่าง ๆ
  3. ประเด็นที่สาม สถาบันระบบคุณธรรมของตะวันตก ยังมีคนบีบบังคับ กดดัน บีบคั้น ผู้ด้อยกว่า เช่น แรงงานอพยพต่างๆ คนกลุ่มน้อย และยังมีการกระทำแบบเดียวกันต่อประเทศอื่นๆ ด้วย
  4. ประเด็นที่สี่ องค์ความรู้ของตะวันตกที่สร้างมาในยุคโมเดิร์นมีส่วนสร้างรับใช้และสถาบันทางการเมือง สังคม ศีลธรรม คุก โรงพยาบาล ซึ่งยังมีส่วนในการปิดกั้นและกีดกันผู้ด้อยโอกาสในสิทธิอำนาจตามประเด็นที่สาม
Post modern มองว่า ถึงแม้ว่าอดีตประเทศอาณานิคมจะได้รับเอกราชมานานแล้วแต่ก็ยังมีความคิดที่เป็นอาณานิคมคือคล้อยตามระบบความคิดที่เป็น modernization ที่นิยมชื่นชมความคิด ค่านิยม ศิลปวัฒนธรรม ที่เป็นองค์ความรู้ที่เป็นตะวันตกเป็นอย่างมาก

Post modern มองว่าองค์ความรู้ตั้งแต่ปรัชญา จริยธรรม การเมือง การปกครอง วรรณกรรมคลาสสิค ฯลฯ ทั้งหมดเป็นเพียงเพื่อสร้างภาพสร้างตัวตนที่ดีงามมีเหตุผลให้ตะวันตก ซึ่งสิ่งเหล่านั้นไปกดทับ เพิกเฉย ละเลย ลืมประวัติศาสตร์ของตัวตน การดำรงอยู่ของวัฒนธรรมของผู้อื่นหรือคนอื่นเป็นการยกย่องประวัติศาสตร์และให้คุณค่าในเรื่องของตนเองและลดคุณค่าในเรื่องที่เป็นของผู้อื่น ซึ่งเป็นวิธีการคิดแบบแยบยล

ลักษณะศิลปะ Post modern

1. การปฏิเสธศูนย์กลาง ซึ่งก็คือ การปฏิเสธอำนาจครอบงำ เน้นชายขอบซอกมุม เพื่อปลดเปลื้องการครอบงำทางเวลา เทศะและอัตลักษณ์ที่ยังหลงเหลืออยู่ ดังปรากฏในสถาปัตยกรรมจำนวนมากที่เลิกเน้นศูนย์กลาง

2. การปฏิเสธความเป็นเอกภาพ หรือ องค์รวม ภาพเขียนหรือสถาปัตยกรรมจึงไม่จำเป็นต้องจบสมบูรณ์ อาจเป็นหลายเรื่องซ่อนเร้นกัน

3. Post modern คัดค้านโครงสร้าง ระเบียบ ลำดับ ไม่ยึดติดกับโครงสร้างเพราะถือได้ว่าเป็นแนวคิดหลังโครงสร้างนิยม

4. Post modern ปฏิเสธจุดเริ่มต้น จึงปฏิเสธประวัติศาสตร์แต่โหยหาอดีต เนื่องจากความไม่มั่นคงทางอัตลักษณ์ อดีตของพวกเขาไม่ใช่ประวัติศาสตร์ แต่เป็นการทำลายประวัติศาสตร์เพราะมันถูกนำมาอยู่ในปัจจุบันหรือหลุดไปจากบริบทอย่างสิ้นเชิง

ความคิดโพสต์โมเดิร์นเป็นทั้งการวิพากษ์และการตั้งคำถามที่มีต่อโลกแบบโมเดิร์นของตะวันตก ซึ่งมองว่าการสร้างสังคมสมัยใหม่ของโลกตะวันตกที่ได้กำเนินมานั้นไม่ได้พัฒนาความสุข การหลุดพ้น หรือชีวิตที่เป็นเหตุเป็นผล อย่างที่กล่าวอ้างกัน เป็นเพียงการสร้างวาทกรรมผ่านภาษา เพียงเพื่อครอบงำสังคมอื่นเพื่อชิงความได้เปรียบในหลายปัจจัย
ที่มา : http://www.9dern.com/rsa/view.php?id=920

ประติมากรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในยุโรป(ยุคหินใหม่)

ศิลปะยุคหินใหม่ (Neolithiic Art)
  • มนุษย์ก้าวเข้าสู่สังคมเกษตรกรรม
  • เพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ตั้งบ้านเรือนเป็นชุมชน
  • รู้จักทำธนู ลูกศร เลี้ยงสุนัข ใช้หินเหล็กไฟขัดจนบางเรียบ
  • ใช้เครื่องมือหินขัดล่าสัตว์ ป้องกันตัวและทำเครื่องมือ เครื่องใช้
การเกษตร
  •  เลี้ยงแพะเลี้ยงวัว เป็นการเลี้ยงเพื่อรับประทานเนื้อ น้ำนม และอาศัยหนังทำเครื่องนุ่งห่ม
  • ถือเป็นการปฏิวัติครั้งแรกที่มนุษย์ประสบความสำเร็จในการเอาชนะธรรมชาติได้อย่างแท้จริง
ศิลปะโดดเด่นในยุคหินใหม่
  • เครื่องปั้นดินเผาประเภทเครื่องประดับ
  • ผลงานจิตรกรรมไม่โดดเด่น
  • ศิลปะที่โดดเด่นที่สุดในยุคหินใหม่คือ "อนุสาวรีย์หิน (Megalithic)"
อนุสาวรีย์หิน
  • หินตั้งเดี่ยว (Menhir or Standing Stone) เป็นแท่งหินตั้งอย่างโดดเดี่ยว
  • หินตั้งแกนยาว (Alightment) ตั้งหินเป็นแนวฉากกับพื้นและตั้งเป็นแถวยาวหลายก้อน
  • หินตั้งเป็นวงกลาม (Cromlech or Stonehenge) นำหินมาตั้งเป็นวงกลม
  • โต๊ะหิน (Dolmen) เป็นแท่งหินขนาดใหญ่สามแท่ง หรือมากกว่านั้นวางพาดทับกันคล้ายโต๊ะยักษ์ หรือประตูที่คนสามารถเดินลอดผ่านได้ พบได้ทั่วไปทั้งในยุโรปและอาฟริกา

Rudston Monolith, the tallest menhir in UK.


stonehenge of Salisbury Plain, England

Poulnabrone dolmen in the Burren,County Clare, Ireland

ที่มา : เอกสารประกอบการสอน HT 325 ศิลปวัฒนธรรมตะวันตกเพื่อการนำเที่ยว
           อาจารย์พิทยะ ศรีวัฒนสาร

ประติมากรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในยุโรป(ยุคหินกลาง)

ยุคหินกลาง
  • ไม่โดดเด่นมากนัก
  • เป็นรอยต่อที่พัฒนาจากการมีความเป็นอยู่และวิถชีวิตใกล้เคียงกับสัตว์ กลมกลืนกับธรรมชาติของยุคหินเก่าสู่ยุคหินใหม่ที่สามารถปฏิรูปและจัดการกับธรรมชาติได้
  • มักจัดให้ยุคหินกลางเป็นจุดเริ่มต้นของยุคหินใหม่
จิตรกรรมสมัยหินกลาง
  • ท่าทางการเคลื่อนไหวและเรื่องราวในชีวิตประจำวันแสดงออกเป็นรูปแบบคล้ายกันหมด
  • น่าจะเป็นการสร้างสรรค์เกี่ยวกับลัทธิวิญญาณนิยม
  • ศิลปะยุคหินกลางมีลักษณะด้อยกว่าศิลปะยุคหินเก่า และมีน้อยกว่าด้วย
ที่มา : เอกสารประกอบการสอนวิชา HT325 ศิลปวัฒนธรรมตะวันตกเพื่อการนำเที่ยว
          อาจารย์พิทยะ ศรีวัฒนสาร

ประติมากรรมสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในยุโรป(ยุคหินเก่า)

ยุคหินเก่า
  • มีทั้งเทคนิคปั้น แกะสลัก ขูดขัด แต่งและเซาะ
  • วัสดุ ได้แก่ หิน กระดูก ไม้ เขาสัตว์
  • เครื่องมือสลักทำจากหิน
  • เน้นการตัดทอนรูปทรงในธรรมชาติ เพื่อให้ง่ายต่อการแสดงออก การรับรู้
รูปแบบประติมากรรมที่น่าสนใจ
  • ออกแบบผลงานบนวัสดุอย่างเหมาะสม เช่นรูปวัวไบซันที่ใช้เขากวางเรนเดียร์เป็นวัสดุในการแกะสลัก ประติมากรออกแบบวัวป่าให้ กลับหัวมาด้านหลัง และสลักหัวไว้ส่วนกลาง
  • เป็นการแก้ปัญหาเรื่องวัสดุและรูปทรง บ่งบอกถึงความช่างสังเกต

สัญลักษณ์เพศแม่ในงานประติมากรรมของยุโรป
  • มักสร้างเป็นรูปผู้หญิง และผ่านการให้กำเนิดมาแล้ว
  • เน้นลักษณะทางเพศและมีขนาดเล็ก

รูปสลัก Venus of Villendorf สมัยหินเก่า

ภาพสลักรูปสตรีจากถ้ำ Luasel จากประเทศฝรั่งเศส


ประติมากรรมหินเก่าสร้างขึ้นเพื่ออะไร ?
  • อาจเป็นรูปเคารพบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำหรับพกพาตามความเชื่อดั้งเดิม เพราะมีขนาดไม่ใหญ่ จับถือได้เหมาะมือ
  • ที่เลือกเพศหญิงเพราะเพศหญิงเป็นผู้ที่ให้กำเนิดชีวิตใหม่
ที่มา : เอกสารประกอบการสอนวิชา HT325 ศิลปวัฒนธรรมตะวันตกเพื่อการนำเที่ยว
          อาจารย์พิทยะ ศรีวัฒนสาร

ศิลปะยุคหินเก่า(Art of old stone age)

จิตรกรรมบนผนังถ้ำลาสโคซ์
  • อายุประมาณ 15,000 - 13,000 ปี BC.
  •  ภาพวัวไบซัน ม้า กวาง
  • ภาพคำนึงถึงความจริง ท่าทางเคลื่อนไหว มีทักษะการใช้เส้นที่กล้าหาญ
  • ไม่คำนึงถึงสัดส่วน
  • วาดภาพซ้อนทับกัน สันนิษฐานว่าอาจวาดต่างช่วงเวลา
  • มีเป้าหมายด้านความเชื่อเหนื่อเหตุผล


ภาพเขียนสีสมัยหินเก่าที่ถ้ำลาสโคซ์


ถ้ำอัลตามีรา (Altamera cave)
  • เป็นถ้ำหินปูนอยู่ทางตอนเหนือของสเปน
  • อายุประมาณ 15,000 - 10,000 ปี BC.
  • ทักษะการเขียนภาพสมจริง แสดงถึงความช่างสังเกตกิริยาท่าทางของสัตว์
  • มีเทคนิคการระบายสีพื้นด้วยสีแดง และตัดเส้นอย่างเฉียบคม
  • มีขนาดใกล้เคียงขนาดสัตว์จริงในธรรมชาติ
ภาพสัตว์ที่ถ้ำอัลตามีร่า

ที่มา : เอกสารประกอบการสอนวิชา HT325 ศิลปวัฒนธรรมตะวันตกเพื่อการนำเที่ยว
           อาจารย์พิทยะ ศรีวัฒนสาร

วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สมัยก่อนประวัติศาสตร์

มนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์
  • มนุษย์แยกสายวิวัฒนาการจากมนุษย์วานรในทวีปแอฟริการะหว่าง 2,000,000-500,000 ปี BP.
  • มีบรรพบุรุษยืนตัวตรงได้ มีความสูงราว 3 ฟุตเศษ
  • มีฟันคล้ายมนุษย์ปัจจุบัน
  • มีสมองเล็ก
  • ทำเครื่องมือหินด้วยวิธีง่ายๆ เพื่อใช้คมในการตัด ฟัน ขูด
โฮโมฮาบิลิส (Homo Hablilis) มนุษย์ผู้ถนัดใช้มือ
  • มนุษย์โฮโมฮาบิลิส มีความเป็นอยู่ก้าวหน้ากว่าบรรพบุรษที่มีความเป็นอยู่คล้ายวานร
  •  รู้จักใช้เครื่องมือ แทนมือเปล่า และกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร
มนุษย์โฮโมฮาบิลิส

โฮโมอิเรคตัส (Homo Erectus) มนุษย์ผู้ยืนตัวตรง
  •  รู้จักล่าสัตว์และทำเครื่องมือใช้ ประมาณ 2,000,000 ล้านปี
  • สูงประมาณ 5 ฟุต คิ้วโปน จมูกแบนกว้าง จมูกขากรรไกรใหญ่ คางเล็กเหมือนไม่มีคาง รูปหน้าคล้ายว่าวานร แต่มีมันสมองสองเท่าของวานร
  • ทำเครื่องมือด้วย หินเหล็กไฟ และหินควอทซ์ ซึ่งกะเทาะได้ง่าย
  • เครื่องมือที่พบได้แก่ ขวานไม่มีด้านทำด้วยหินเหล็กไฟกะเทาะ
มนุษย์โฮโมอิเรคตัส



มนุษย์นีแอนเดอธัล (Neanderthal Man)
  • กระจายอยู่ในยุโรปรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
  • สูงกว่า 5 ฟุตเล็กน้อย ปริมาณมันสมองใกล้เคียงมนุษย์ปัจจุบัน
  •  ใช้ไฟล่าสัตว์ ประกอบพิธีศพและเชื่อเรื่องวิญญาณอมตะโดยวางโครงกระดูกและเครื่องทำด้วยฟันและกระดูกสัตว์ในหลุมศพ

มนุษย์นีแอนเดอธัล
เครื่องมือที่มนุษย์นีแอนเดอธัลใช้ล่าสัตว์


มนุษย์โครมันยอง (Cro Magnon Man)
  • พบโครงกระดูกครั้งแรกที่ แคว้นเวลส์ในประเทศอังกฤษ
  • สูงกว่า 6 ฟุตเล็กน้อย มีปริมาณสมองใกล้เคียงกับคนยุโรปในปัจจุบัน มีอวัยวะคล้ายคนในปัจจุบัน
  •  ทิ้งร่องรอยศิลปะมากมาย โดยเฉพาะภาพเขียนในผนังถ้ำ และงานจิตรกรรม

มนุษย์โครมันยอง
ภาพเปรียบเทียบของมนุษย์แต่ละรุ่น


ที่มา : เอกสารประกอบการสอนวิชา HT 325 ศิลปวัฒนธรรมตะวันตกเพื่อการนำเที่ยว
           อาจารย์พิทยะ ศรีวัฒนสาร